เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย คุณวิศนุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. และคุณสุรัช ติระกุล ผอ.สำนักงานควบคุมอาคาร ร่วมกันแถลงแนวทางดำเนินการ แอชตัน อโศก
โดยคุณชัชชาติ กล่าวว่า กทม. น้อมรับคำสั่งของคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด โดยศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาเพิกถอนใบแจ้งความประสงค์ก่อสร้าง แต่ไม่ได้ระบุเรื่องการรื้อถอนอาคาร ดังนั้น การดำเนินการต้องพิจารณาไปตามกฎหมายอย่างรอบคอบ ตามอำนาจหน้าที่ ที่กรุงเทพฯทำได้ โดยให้เวลาแก้ไขไม่น้อยกว่า 30 วัน นับจากทำหนังสือแจ้ง แต่หากยังแก้ไขไม่ได้ สามารถขอขยายเวลาออกไปได้ โดยมีเหตุผลความจำเป็นรองรับ ทั้งนี้ มีผู้รับผลกระทบมากกว่า 500 ราย
คุณชัชชาติ เข้าใจผู้ออกใบอนญาตในขณะนั้นว่า เมื่อโครงการดำเนินการตามระเบียบครบถ้วนแล้ว กรุงเทพก็ไม่มีสิทธิที่จะไม่ออกใบอนุญาตให้ เพราะอาจจะผิดมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากเวลานั้นยังไม่มีคำสั่งศาลออกมา เจ้าหน้าที่ต้องทำตามขั้นตอน โดยมีเงื่อนไขในใบรับรองการก่อสร้างและดัดแปลงอาคาร (แบบ อ.6) ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2561 ระบุไว้ชัดเจนว่า เรื่องที่ดินที่ตั้งโครงการ อยุ่ระกว่างกระบวนการของศาลปกครองกลาง ที่มีผู้ฟ้องคดี กรณีโครงการใช้ที่ดินของการ รฟม. ผ่านเข้า-ออกโครงการ สู่ซอยสุขุมวิท 21
หากศาลมีคำพิพากษาเป็นที่สิ้นสุดแล้ว ทำให้อาคารในโครงการขัดกฎหมาย ว่าด้วยการควบคุมอาคาร ผู้ได้รับใบรับรองต้องรับผิดชอบต่อความเสี่ยงหายที่เกิดขึ้นต่อตนเอง และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งต้องแก้ไขอาคารให้ถูกต้อง ตามกฎหมายควบคุมอาคาร ซึ่งในขณะนี้ กรุงเทพได้ตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาแล้ว
คุณวิศณุ กล่าวว่า กรุงเทพมีหนังสือรับทราบแปลน และออกหนังสือทักท้วงไปแล้ว แต่มีประเด็นที่ศาล เนื่องจากบริษัทอุทธรณ์ ว่าเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทาง สนย. จึงออกใบรับแจ้งความประสงค์จะก่อสร้างอาคารให้แบบมีเงื่อนไข รวมถึงปัญหาทางแพ่ง ที่ผู้ก่อสร้างต้องพิจารณาระบุไว้ในเงื่อนไข ใบอนุญาตก่อสร้าง ตั้งแต่ปี 2558 และ 2560 แต่ทั้งนี้ กรุงเทพก็ไม่ได้มีเหตุผลในการระงับโครงการแอชตัน อโศก เพราะกฎหมายให้แก้ไขได้ และในปัจจุบัน ทางเข้า-ออก ของโครงการ รถดับเพลิงยังสามารถเข้าได้ตามปกติ
บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด แอชตัน อโศก ชี้แจ้งความคืบหน้า แนวทางแก้ไข ดังนี้
1.บริษัทกำลังเร่งแก้ไข กรณีใบอนุญาตก่อสร้างมีหลายแนวทาง คือ
– ยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ โดยซื้อหรือหาที่ดินเพิ่ม
– เสนอให้หน่วยงานรัฐแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องผ่าน สนย. กทม. ไปยังกรมโยธานิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ไปยัง ครม.
– เสนอให้หน่วยงานรัฐแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องผ่าน รฟม. เสนอผ่านกระทรวงคมนาคม ไปยัง ครม.
– ประสานเจ้าของเดิมให้ยื่นทบทวนสิทธิที่ดินทางเข้า-ออก ก่อนเวนคืน จาก รฟม. โดยควรให้สิทธิทางเจ้า อย่างน้อย 12-13 เมตร เพื่อให้สามารถขึ้นอาคารสูงได้
– ยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ขอให้พิจารณาคดีใหม่ เนื่องจากมีพยานหลักฐานใหม่ ทำให้มีข้อเท็จจริงเปลี่ยนไป
2.แนวทางช่วยเหลือเรื่องการผ่อนชำระสินเชื่อของเจ้าของร่วม ดังนี้
– ขอให้สถาบันการเงินพิจารณาแนวทางผ่อนชำระในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ
– ขอให้สถาบันการเงินลดภาระการผ่อนชำระอื่น ๆ
3.ประเด็นชี้แจงอื่น ๆ ได้แก่
– การออกใบอนุญาตเปิดให้อาคารแบบมีเงื่อนไข ที่กรุงเทพกำหนด ว่าบริษัทจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ต่อบริษัทและผู้ที่เกี่ยวข้อง หากคำตัดสินของศาลปกครองเป็นที่สิ้นสุดว่า โครงการขัดต่อกฎหมายควบคุมอาคาร ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ ได้ปรากฏอยู่แค่ในใบรับรองการก่อสร้าง (อ.6) ซึ่งกรุงเทพออกให้บริษัทหลังโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ และได้ขายให้ลูกค้าแล้ว ส่วนใบอนุญาตอื่น ที่กรุงเทพออกให้บริษัทก่อนหน้าที่ ไม่เคยมีข้อความทำนองนี้ปรากฏอยู่ในใบอนุญาแต่อย่างใด และบริษัทมีความตั้งใจ ที่จะร่วมแก้ไจปัญหาไปพร้อมกับกรุงเทพ
– บริษัทได้แจ้งเรื่องของคดีที่อยู่ในศาลปกครองให้แก่ลุกค้า มาตามลำดับ พร้อมเสนอแนวทาง 3 ข้อให้พิจารณา คือ 1.การยกเลิกสัญญาและคืนเงิน 2.การย้ายโครงการตามที่บริษัทกำหนดไว้ 3.หากถือสัญญาไว้ต่อจนครบกำหนดการขยายเวลา (26 มีนาคม 2562) จะได้ส่วนลด ณ วันโอน 7.5%/ปี ของเงินที่ชำระมาแล้วทั้งหมด
สส เชียงใหม่ ก้าวไกล จี้ “บิ๊กตู่” ตอบปมสั่งปิดลานเนินนุ่มไม่ให้พบประชาชน