วันที่ 3 สิงหาคม 2566 พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยืนยันว่า ยังอยู่กับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเดิม ไม่ว่าพรรคไหนก็ตาม ที่เป็นการนำตั้งรัฐบาลก็พร้อมอยู่ด้วยเสมอ ซึ่งแกนนำในขณะนี้ก็คือ พรรคเพื่อไทย ทางพรรคเสรีรวมไทยก็พร้อมร่วมสนับสนุนด้วย และการออกไปเป็นฝ่ายค้านของพรรคก้าวไกล ที่เป็นไปตามข่าว ถือว่าไม่ใช่ปัญหา
ส่วนจุดยืนของพรรคเสรีรวมไทย ยืนยันว่า ไม่เอา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชน เพราะว่าเป็นผู้ที่ทำรัฐประหาร ส่วนเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ใช่ผู้ที่ร่วมทำรัฐประหาร แต่เป็นผู้ที่ถูกเชิญมาร่วมงาน จึงไม่ขัดข้องถ้าหากการร่วมรัฐบาล จะมีพลเอกประวิตร, พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย , นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย , นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ติดอะไร หากร่วมมือกันเพื่อเดิมหน้าประเทศไทย
สำหรับการแกไข ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยืนยันว่า เป็นกฎหมายที่แก้ไขได้ และเคยมีการแก้เป็นปกติมาแล้ว ถ้าแก้ไขกฎหมายนั้น มันดีต่อการปกป้องสถาบัน ก็ไม่ติดอะไร
ส่วนในกรณีความเห็นของ นายเศรษฐา ทวีสิน ต่อการแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 ส่วนตัวมองว่า ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร เป็นเพียงแค่การแสดงวิสัยทัศน์บนเวที ไม่ใช่การสัญญากับประชาชน แต่เหล่าสื่อมวลชนเองต่างหาก ที่พยายามยัดเยียดให้กลายเป็นสัญญากับประชาชน ทั้งที่ไม่ได้อยู่ใน MOU ด้วยซ้ำ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังเสนอแนะ พรรคก้าวไกล ให้ยกมือโหวตเพื่อไทย เป็นนายกฯ
จากกรณีกระแสข่าวที่ว่า พรรคก้าวไกลจะไม่ยกมือโหวตนายกฯ ให้พรรคเพื่อไทยนั้น ส่วนตนเห็นว่า ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยก็มีการยกมือโหวตให้พรรคก้าวไกลเสมอ ดังนั้นในครั้งนี้ จะตอบแทนบุญคุณพรรคเพื่อไทยไม่ได้หรือ ถ้าหากครั้งนี้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน และโหวตให้พรรคเพื่อไทยด้วย ก็จะได้ใจประชาชน และอาจจะมีผลต่อการเลือกตั้งในครั้งหน้า ที่ทำให้พรรคก้าวไกลได้คะแนนมากขึ้นก็ได้ และแม้ครั้งนี้พรรคก้าวไกล จะไปเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ใช่ฝ่ายค้านตลอดไป
ส่วนในกรณีที่มีกลุ่มมวลชนบุกไปพรรคเพื่อไทยเพื่อกดดันรวมถึงมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ทั้งการเผา และสาดสีนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ไม่เหมาะสม มีโทษจำคุก ซึ่งการกระทำของกลุ่มมวลชน โดยเฉพาะเยาวชนบางคน ที่มักแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายอย่าง สงสารผู้ปกครองของเขา และยังกล่าวอีกว่า หากเป็นลูกผม ผมฆ่าทิ้งเลย
ส่วนตัวเห็นว่า ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย หรือพรรคก้าวไกล เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องปล่อยให้พรรคเหล่านั้น ดำเนินการ หากทำได้ไม่ดี ครั้งต่อไปประชาชนก็จะไม่เลือกเอง