เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 เวลา 15:30 น. ในรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” ทางไทยรัฐทีวี ได้พูดคุยกับแขกรับเชิญ คุณอมรันต์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และแกนนำพรรคก้าวไกล และ น.ต. ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ประเด็น เบื้องหลังรักร้าว เพื่อไทยไล่ก้าวไกล เป็นฝ่ายค้าน
คุณอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล เผยว่า หลังจากกเมื่อวาน ที่พรรคเพื่อไทย ได้แจ้งกับทีมเจราจากับทางพรรคก้าวไกล ว่าขอแยกออกไปจาก MOU 8 พรรค คือไม่ได้มีการยื่นข้อเสนอ ว่าจะปรับตรงไหน ในเรื่องของ ม.112 ทางทีมเจรจาจากเพื่อไทย ไม่เคยพูดให้ก้าวไกล ถอยในเรื่องนี้ แต่ถ้าสุดท้ายแล้ว ทางฝั่งเพื่อไทย ขอให้ถอนจริง ๆ คงต้องเป็นไปตามมิชติพรรคอีกที แต่ส่วนตัวแล้ว คิดว่ามันเป็นต้นตอของปัญหาหบายอย่างในประเทศนี้ ทั้งในตัวบทก็มีปัญหา การบังคับใช้ก็มีปัญหา และยังเป็นต้นตอของการเอาไปแอบอ้าง คิดว่าในจุดยืนส่วนตัวของคุณอมรัตน์เองก็คงไม่ถอย
ที่สำคัญที่สุด คงเป็นเรื่องการแก้ ม.112 ที่ถึงแม้มันไม่ได้อยู่ใน MOU มันก็คือการถอยให้แล้ว ในระดับหนึ่ง ถือเป็นเรื่องเฉพาะของพรรคก้าวไกลแล้ว ในเรื่องของ ม.112 ก็เป็นเพียงข้ออ้าง ที่ไม่ว่าจะมี หรือไม่มี เขาก็ผลักให้พรรคก้าวไกล ไปเป็นฝ่ายค้านอยู่ดี
อมรัตน์ ชี้จากการที่ได้เห็นบรรยากาศ การนัดคุยกันของ 8 พรรคตั้งแต่วันแรก ก็เห็นบรรยากาศมาตลอด
จนกระทั่ง พรรคก้าวไกล ได้จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ และได้โยนไม้ไปให้พรรคอันดับ 2 ก็พบว่า ไม่เคยได้รับการติดต่อกลับอะไรอีกเลย หายเงียบไป แม้กระทั่งเรื่องนัดวันที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมานี้ ทางพรรคก้าวไกลก็ทราบจากสื่อมวลชนเหมือนกัน ทางพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีการต่อสายมาบอกอะไรแต่อย่างใด
ด้านน.ต.ศิธา ทิวารี ก็เผยว่า คาดเดาเหตุการณ์นี้ไว้อยู่แล้ว เพราะสนใจในทฤษฎีเกมการเมือง โดยเฉพาะไปเล่นในเกมที่เผด็จการจับเอาสว. ยัดเข้ามาในรัฐธรรมนูญ บอกว่าเลือกนายกฯ ได้ใน 5 ปี มันเป็นกลไกที่มีพิษต่อประชาธิปไตยอย่างมาก จึงคิดว่าจะต้องเป็นแบบนี้แน่นอน
และก็รู้อีกว่า สุดท้ายก็ต้องมาโยงต่อการกลับบ้าน ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ตนจึงพูดในเวทีดีเบตทุกเวที ในเรื่องการให้ความเป็นธรรม กับทักษิณ ในการให้เขากลับไทย ซึ่งยืนยันกับทุกคนได้เลยว่า เขาไม่ได้ต้องการกลับมามีอำนาจ เพียงแต่ต้องการที่จะได้รับสิทธิในฐานะคนไทย ที่เคยทำคุณูปการให้แก่ประเทศไทย กลับมาอยู่กับครอบครัวในบ้านเกิด เพียงเท่านี้
แต่คนที่ไปเชียร์ไปปั่น ให้ดำเนินการแบบนี้ๆ เพื่อให้ได้กลับมานั้น มันเป็นกระบวนการที่เราอาจจะได้กลับมา แต่เราต้องเอาประชาธิปไตย ไปแลกให้เหล่าเผด็จการฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง ซึ่งทางพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้น